ไม่ว่าจะฟินเรื่องชอป หรืออินเรื่องชิม ที่ ‘พหลโยธิน-เกษตรนวมินทร์’ ก็ให้คุณ Create your own lifestyle ได้อย่างใจ
21 August 2562
ถ้าคุณคือคนที่กำลังมองหาสถานที่สักแห่ง ที่รวบรวมทั้งแฟชันที่ทันสมัย, อาหารการกินที่ครบเครื่อง รวมไปถึงแหล่งพักผ่อนหย่อนใจหลากหลายสไตล์ที่คุณสามารถเลือก Mix & Match กับทุกจังหวะชีวิตได้แบบ 24 ชั่วโมง อยู่ละก็…
‘เขตจตุจักร’ ทำเลทองบนถนน 3 สายหลัก อย่าง ถนนพหลโยธิน, ถนนงามวงศ์วาน และถนนเกษตร-นวมินทร์ คงจะเป็น ‘คำตอบ’ ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
พหลโยธิน | งามวงศ์วาน | เกษตร-นวมินทร์
ถนนพหลโยธิน, ถนนงามวงศ์วาน และถนนเกษตร-นวมินทร์
ถนน 3 เส้นที่ตัดผ่านเขตจตุจักร ทำหน้าที่เป็นเส้นทางคมนาคมหลักของกรุงเทพมหานครฝั่งเหนือ ซึ่งช่วยเชื่อมต่อการเดินทางในเขตเมืองและนอกเมืองให้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนจากในกรุงเทพและผู้คนจากปริมณฑล เข้าถึงพื้นที่ย่านนี้ได้ค่อนข้างสะดวก รวมถึงการมีระบบการคมนาคมสาธารณะที่ครบครันเกิดขึ้นเพิ่มเติมบนถนนทั้ง 3 สาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT, รถเมล์ และรถตู้โดยสาร ทำให้เกิดทางเลือกด้านการโดยสารที่หลากหลายมากขึ้น
ถนนทั้ง 3 เส้นทางนี้จึงกลายเป็น ‘จุดนัดพบ’ หลัก ที่ไม่ว่าแขกไปใครมาก็ต่างยินดีที่จะนัดเจอกันในย่านนี้ เพราะเป็นพื้นที่แหล่งรวมไลฟ์สไตล์สุดชิค ซึ่งมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เหมาะจะเป็น HUB ของการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะใช้ชีวิตในทำเลที่แตกต่างแบบไม่เหมือนใคร
แม้มีเพียง ‘3 เส้นทาง’ แต่ตอบโจทย์ได้
‘ทุกสไตล์’ การใช้ชีวิต
เส้นทางที่ 1 : ‘ถนนพหลโยธิน’ เส้นทางของสายขาชอปตัวยง
หากการชอปปิงคือคำตอบของหัวใจ
เราขอแนะนำให้คุณลองมาใช้ชีวิตติดชอปกันที่ ‘ถนนพหลโยธิน’ พื้นที่รวบรวมแหล่งชอปปิงขึ้นชื่อของคนกรุง ซึ่งเดินทางมาถึงกันได้ง่าย ๆ ด้วยการโดยสารรถไฟฟ้า MRT สถานีที่ลงก็ชื่อเดียวกันกับถนนเลย มาไม่ยาก แถมลงที่เดียว ได้เที่ยวครบทุกแลนด์มาร์กบนเส้นถนนพหลโยธินอย่างแน่นอน
เริ่มต้นสำรวจทำเลในย่านนี้ เราขอเปิดประเดิมที่แรกแบบสบาย ๆ ด้วย ‘สวนสมเด็จย่า 84 พรรษา’ สวนสาธารณะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ติดกับทางออกที่ 3 MRT สถานีพหลโยธิน ที่เพิ่งจะถูกฟื้นฟูปรับปรุงไปหมาด ๆ ด้วยสีสันน่ารักสดใสที่แต่งแต้มลงบนพื้น และการตัดแต่งต้นไม้ภายในสวนให้โล่งโปร่ง ไม่ดูมืดเปลี่ยวอย่างที่เคยเป็นมา จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับคนชอบเดินชอปปิงที่ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ มาแล้ว อยากหาจุดเก๋ ๆ เพื่อแชะภาพคู่กับชุดใหม่ ก็ดูจะสร้างความเพลินใจให้กับการใช้ชีวิตได้อีกรูปแบบ
ลุยกันต่อที่แหล่งชอปปิง จากสวนสมเด็จย่า 84 พรรษา เดินตรงมาอีกเล็กน้อยจะพบกับสกายวอร์กขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อระหว่าง MRT สถานีพหลโยธิน ไปยังแหล่งชอปปิงชั้นนำของย่าน ที่ไม่ว่าจะเป็นยามเช้าอันแสนเร่งรีบ, ช่วงสายของวัน, ยามบ่ายที่อากาศร้อนจัด หรือช่วงเย็นหลังเลิกงาน ทางเดินสกายวอร์กแห่งนี้ก็ไม่เคยเงียบเหงาเลยสักครั้ง เพราะนี่คือทางเดินที่จะพาผู้คนมุ่งหน้าไปยังศูนย์การค้าสำหรับขาชอปขนาดใหญ่ ทั้ง Union Mall และ Central Plaza Ladprao นั่นเอง!
เอาใจสายชอปกันที่จุดแรก หากนึกถึงแหล่งเสื้อผ้าเครื่องประดับแฟชัน คงไม่มีใครมองข้ามศูนย์การค้า ‘Union Mall’ ไปได้อย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าดั้งเดิมที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน โดยถือเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าแฟชันมากมายหลากหลายสไตล์ ครบสำหรับคนทุกเพศทุกวัย แถมตอนนี้ยังอัปเดตรูปแบบของตัวห้างให้นำสมัยครบรอบ 10 ปีด้วยสีเหลืองสดใส เพื่อดึงดูดนักชอปรุ่นใหม่ให้เข้ามาเดินเล่นได้แบบไม่รู้ตัว
และไม่ว่าคุณกำลังตามหาเสื้อผ้าแบบไหน ก็ไม่มีอะไรที่หาไม่ได้จาก Union Mall เพราะที่นี่มีเสื้อผ้าให้เลือกซื้อกันตั้งแต่แบบสตรีทแฟชัน ไปจนถึงชุดราตรีสำหรับออกงานสำคัญ โดยเสื้อผ้าของที่นี่มีหลากหลายแบรนด์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ รวมไปถึงแบรนด์ที่ทำและผลิตโดยคนไทยเอง ส่วนด้านราคาของเสื้อผ้าเครื่องประดับที่นี่อยู่ในระดับที่จับต้องได้ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว
ไม่ใช่เฉพาะร้านค้ารายย่อยกว่า 1,500 ร้านค้าเท่านั้น ที่ทำให้ Union Mall แห่งนี้เป็นที่นิยมของคนในทุกยุคทุกสมัย บริการด้านอื่น ๆ อย่างเรื่องของสินค้าไอที, บริการธุกรรมธนาคาร, สถาบันเสริมสุขภาพและความงาม, โซนการศึกษา, พื้นที่จัดประชุมและอีเวนต์ รวมไปถึงฟูดคอร์ดและร้านอาหาร ก็รวบรวมไว้อยู่ภายในศูนย์การค้าแห่งนี้เช่นเดียวกัน
ถ้าคุณกำลังตามหาไอเท็มแฟชันใหม่ ๆ, ชุดสำหรับงานสำคัญ หรือเสื้อผ้าสำหรับ Vacation ที่กำลังจะมาถึง แค่ลองแวะมาที่ Union Mall แห่งนี้ดูสักครั้ง รับรองว่าได้ของทุกอย่างที่คุณหวังติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่นอน
ชอปกันที่ Union Mall ยังไม่จุใจ ก็อย่าลืมมาเดินเล่นต่อกันที่ศูนย์การค้า ‘Central Plaza Ladprao’ อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวยอดฮิตของคนกรุงเทพ ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ห่างออกไปไกล เพียงแค่ข้ามฝั่งจากศูนย์การค้า Union Mall ไปเท่านั้นเอง
Central Plaza Ladprao หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า ‘เซ็นลาด’ เป็นอีกแลนด์มาร์กหนึ่งของคนในพื้นที่และผู้คนจากแถบปริมณฑล เพราะที่นี่เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับถนนสายสำคัญต่าง ๆ ซึ่งใช้สำหรับเข้า-ออกเมือง ทำให้เดินทางเข้าถึงได้สะดวก หลายคนจึงเลือกมาเดินเล่น ชอปปิง หรือพบปะกันที่นี่ในช่วงวันหยุดเป็นประจำ
จุดเด่นของศูนย์การค้า Central Plaza Ladprao อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยม ก็คือ สินค้าแฟชันนำเทรนด์อย่างร้าน‘มัลติแบรนด์’ ที่ยกมาตั้งไว้ภายในศูนย์การค้าแห่งนี้มากถึง 4 ร้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น...
- SOS Sense Of Style : ร้านมัลติแบรนด์รุ่นบุกเบิก ที่รวบรวมร้านค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับแฟชันจาก Instagram ไว้มากกว่า 100 แบรนด์
- SENSE by sos : แบรนด์ลูกของ SOS Sense Of Style ที่ขายเสื้อผ้า, เครื่องประดับแบรนด์ในเครือของเจ้าของเอง
- AMAZE : มัลติแบรนด์สำหรับคุณสุภาพสตรี ที่นำเข้าสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ อย่างแบรนด์ GUY LAROCHE, SP, JOUSSE, LOFFICIEL และ C&D เป็นต้น
- CARNIVAL : แหล่งรวมสินค้าสตรีทแวร์ชั้นนำของเมืองไทย เหมาะกับสายเท่ ที่ไม่อยากตกเทรนด์ เพราะที่นี่ถือเป็นคลังรองเท้าสวย ๆ หรือของแนวสตรีท เหมาะสำหรับใครที่อยากตามหาร้านขายของแบรนด์แท้ที่ไว้ใจได้ ยังไงก็ต้องแวะมาลองดูที่นี่เลย
ส่วนใครที่เป็นสายไอที ที่นี่ก็มีบริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีให้เลือกอยู่มากมาย โดยเฉพาะร้าน MINE by JIB ทางเลือกใหม่สำหรับเหล่าคอเกมเมอร์ ซึ่งภายในร้านก็ให้บริการทั้งด้าน Gaming DIY, Gaming Notebook, Gaming Accseries หรือแม้แต่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาตรฐานระดับ Hi-End ที่นี่ก็มีให้เลือกชม และเลือกลองกันจนกว่าจะถูกใจเลยทีเดียว
เดินชอปจนเริ่มเมื่อย ท้องก็เริ่มร้องอยากหาอะไรทานแล้ว ไม่ต้องเดินออกไปไหน เพราะที่ Central Plaza Ladprao แห่งนี้ มีตัวเลือกเป็นร้านอาหารหลากหลายสัญชาติให้ได้ฝากท้องกัน
แต่ที่อยากแนะนำเป็นพิเศษ สำหรับใครที่อยากทานอาหารไทยรสชาติถึงเครื่องแบบดั้งเดิม แต่ไม่รู้ว่าในห้างจะไปหาร้านที่ถูกใจทานได้ที่ไหน เราขอแนะนำร้าน กินข้าว ร้านอาหารไทยแท้ ที่มีทั้งอาหารพื้นบ้านจากทั่วทุกภาคและอาหารไทยโบราณหาทานยากให้ได้เลือกชิมกัน ซึ่งในกรุงเทพตอนนี้มีแค่ 4 สาขาเท่านั้น ส่วนใครที่ชอบทานของหวานตบท้ายมื้ออาหาร ที่นี่ก็มีคาเฟ่และร้านขนมหวานเป็นตัวเลือกให้อยู่หลายร้านด้วยเช่นเดียวกัน
ชอปก็แล้ว กินก็แล้ว ปิดท้ายการทำความรู้จักกับถนนพหลโยธินด้วยแหล่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์กันอีกสักหน่อย
โดยเราจะขอเขยิบออกจากศูนย์การค้า Central Plaza Ladprao มาอีกไม่ถึงกิโลเมตร เราก็จะได้เจอกับ ‘Major Cineplex Ratchayothin’ แหล่งรวมความบันเทิงครบวงจรสำหรับคนย่านพหลฯ -รัชโยธิน
- ความครบวงจรด้านความบันเทิงของที่นี่ ประกอบไปด้วย โรงภาพยนตร์ดิจิทัล Major Cineplex ที่ให้คุณดื่มด่ำไปกับประสบการณ์เต็มรูปแบบจากระบบฉายภาพยนตร์ที่ฉีกทุกความจำเจ ทั้งระบบ IMAX และ AIS 4DX ที่จะพาคุณดำดิ่งไปกับภาพยนตร์หลากรสหลายแนวที่คัดสรรมาเพื่อคอหนังโดยเฉพาะ
- นอกจากนี้ก็ยังมี Blu-O ที่ให้บริการความสนุกและความบันเทิงทั้งโบว์ลิงและคาราโอเกะอยู่ที่ชั้น 4 อีกด้วย
และสำหรับใครที่รักการออกกำลังกาย ที่ Major Cineplex Ratchayothin ก็มี WE Fitness คลับออกกำลังกายของคนเมืองยุคใหม่ที่ทันสมัย เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ ที่จะมาช่วยเพิ่มความแข็งแรง ฟิตแอนด์เฟิร์ม ด้วยโปรแกรมการออกกำลังกายที่มีให้เลือกหลากหลาย ให้คุณสนุกสนานไปกับการออกกำลังกายได้มากกว่าที่เคยอย่างแน่นอน
เส้นทางที่ 2 : ‘ถนนงามวงศ์วาน’ ย่านอิ่มอร่อยของเด็กเกษตรฯ
จาก Major Cineplex Ratchayothin ตรงไปอีกเล็กน้อย เราจะเจอกับ แยกเกษตร-นวมินทร์ เลี้ยวซ้ายจากแยก เราจะเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่มีของขึ้นชื่อเป็นร้านอาหารในราคานักศึกษา ที่ใครหลายคนมักจะมาฝากท้องกันอยู่เป็นประจำ
สำหรับสถานที่แนะนำ เราขอเริ่มกันที่ ‘Home Village’ คอมมูนิตีมอลล์ขนาดเล็ก น่ารัก สไตล์อบอุ่น ดูเป็นกันเอง ที่ตั้งอยู่ห่างจากแยกเกษตร-นวมินทร์ไปเพียงแค่กิโลฯ นิด ๆ เท่านั้น
ที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของนิสิต-นักศึกษาจากม.เกษตร เพราะมีตัวเลือกความอร่อยให้ได้เลือกทานชนิดที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม ทั้งร้านข้าวตามสั่ง สไตล์ง่าย ๆ, ร้านสเต็ก, ร้านซูชิ, ร้านอาหารเกาหลี, ชาบู, ก๋วยเตี๋ยว, ข้าวมันไก่ ฯลฯ และยังมีร้านเครื่องดื่มและของหวานชื่นใจอย่าง Milk Land นมไทย-เดนมาร์ค, ไอศกรีม และชานมไข่มุกให้เลือกซื้ออีกหลายร้านด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีร้าน Gift Shop ขายของน่ารัก ๆ อยู่ด้านใน ใครที่ทานข้าว ทานขนมอิ่มแล้ว จะแวะมาเดินย่อย เลือกดูของก่อนกลับก็ได้นะ
สำหรับใครที่มาถึงย่านมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ก็ต้องลองมาเยือนร้านอาหารในรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กันสักครั้ง แล้วจะรู้ว่ามีร้านอาหารแสนอร่อยซ่อนอยู่หลายร้านเลยทีเดียว
โดยร้านแรกที่จะแนะนำจะอยู่ที่อาคารสรรพสินค้า ‘KU Avenue’ นั่นก็คือร้าน Max Beef Butchery ร้านขายเนื้อสุดโด่งดังของชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และคนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง
สำหรับใครที่เป็นสายเนื้อคงจะคุ้นหูกับชื่อร้านนี้กันเป็นอย่างดี เพราะที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นร้านขายเนื้อทั้งปลีกเเละส่ง รวมทั้งมีบริการสำหรับนั่งปิ้งย่างทานที่ร้านด้วยเนื้อชั้นดีจากภายในร้านอีกด้วย
ด้านบรรยากาศ เมื่อเดินเข้ามาถึง เราจะเจอกับตู้แช่ที่แพ็กเนื้อวัวใส่ห่อ แปะป้ายชื่อชิ้นส่วนและชนิดของเนื้อวัวพร้อมราคาไว้ให้อย่างชัดเจน ส่วนเกรดของเนื้อก็มีตั้งแต่เนื้อธรรมดา ๆ อย่างส่วนสันใน, สันนอก, ลิ้นวัว, เนื้อลูกเต๋า, เนื้อหนอก, เนื้อซี่โครง ฯลฯ ไปจนถึงเนื้อที่มีชั้นลายไขมันสวย ๆ อย่างเนื้อวากิว ที่สามารถเลือกซื้อกันได้แบบจุใจแบบไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว
ส่วนถ้าใครอยากจะลองทานปิ้งย่าง เราสามารถเลือกเนื้อชิ้นที่ถูกใจจากตู้ แล้วชี้บอกพนักงานได้เต็มที่ หลังจากนั้นทางร้านจะรวบรวมเนื้อทั้งหมด และนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ โดยจะมีค่าบริการสำหรับเตาถ่านอยู่ที่ 100 บาท และถ้าอยากได้น้ำจิ้มแซ่บ ๆ ก็ต้องสั่งซื้อเพิ่ม โดยเราสามารถเลือกจากตู้ด้านหน้าได้เลย
ถือเป็นร้านปิ้งย่างที่สายเนื้อไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะเนื้อที่นี่ถือว่ามีคุณภาพดี และราคาค่อนข้างถูก แถมเรายังสามารถเลือกชิ้นได้เองอีกด้วย
สำหรับใครที่ติดใจจนอยากซื้อกลับไปปรุงเองที่บ้าน ก็สามารถหิ้วติดมือกลับไปได้ หรือถ้าใครอยากพาครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมาทานปิ้งย่างเนื้อเด็ด ๆ ล่ะก็...ลองปัก Max Beef Butchery ไว้เป็นจุดเช็กอินสักครั้ง รับรองเลยว่าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
เส้นทางที่ 3 : พบแหล่งชิลล์เอาต์ยอดฮิตที่ ‘ถนนเกษตร-นวมินทร์’
จากถนนงามวงศ์วาน วกกลับมาที่แยกเกษตร-นวมินทร์ ตรงผ่านแยกขึ้นไปเพียงเล็กน้อย จะเป็นพื้นที่ของเส้น ‘ถนนเกษตร-นวมินทร์’ ซึ่งเรื่องขึ้นชื่อของถนนสายนี้ก็มีดีไม่แพ้ที่อื่น เพราะถือเป็นถนนเส้นที่มีแหล่งชิลล์เอาต์และคอมมูนิตีมอลล์ให้เลือกหลากหลาย เหมาะจะพาเพื่อนมาปาร์ตี้ สังสรรค์กันแบบสุด ๆ
เริ่มต้นสำรวจแหล่งไลฟ์สไตล์กันเลยที่ ‘Cafe Like A Local’ คาเฟ่บรรยากาศสดใสร่มรื่นที่อยู่ติดกับแยกเกษตร-นวมินทร์ ที่ตกแต่งในสไตล์ลอฟต์เท่ ๆ ดูแล้วเหมาะกับการมานั่งพักผ่อนเพื่อจิบกาแฟในช่วงวันหยุด
ด้านในร้านเมื่อเข้าไปถึง บรรยากาศภายก็ให้ความรู้สึกโล่งโปร่ง คงเพราะรอบบริเวณร้านตกแต่งด้วยกระจกใส ทำให้แสงแดดและบรรยากาศสีเขียวชอุ่มด้านนอกของร้าน ช่วยสร้างความรู้สึกปลอดโปร่งให้กับเราได้เป็นอย่างดี
พอลองมองดูไปรอบ ๆ ร้านแล้ว คนส่วนใหญ่ที่แวะมาล้วนพกโน้ตบุ๊กคู่ใจมากันคนละเครื่อง บางคนก็นั่งทำงานเงียบ ๆ คนเดียว บ้างก็นัดประชุมงานกัน มีคนที่แวะมานั่งอ่านหนังสือ และมีเหล่าคาเฟ่ฮอปปิงที่มาถ่ายรูปสนุก ๆ กับบรรยากาศสวย ๆ ของร้านให้เห็นกันอยู่บ้าง
ใครที่ทานคาวจบแล้ว อยากจะล้างปากก็สามารถปิดท้ายมื้อนี้ด้วยของหวานต่อได้ โดยที่นี่มีทั้งเค้กและเบเกอร์รีอบสดใหม่รอคุณจิ้มเลือกอยู่ในตู้ ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งชา, กาแฟ, นมสด, ช็อกโกแลต, น้ำผลไม้ ฯลฯ ใครชอบแบบไหนสั่งมาชิมกันได้เลย
- Taro Milk (ราคา 90 บาท) นมรสเผือกสีม่วงอ่อน หอมเผือกและนม ดื่มได้เพลิน ๆ
- Brownie (ราคา 85 บาท) บราวนี่เนื้อแน่น เสิร์ฟมาพร้อมวิปครีมให้ทานคู่กัน รสชาติหวานหอม
- Calamares & Frenfried (ราคา 150 บาท) ปลาหมึกเต็มชิ้นแน่น ๆ ชุปแป้งทอดเสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายส์ ทานกับซอสมะเขือเทศ อร่อยเข้ากันแบบสุด ๆ
นอกจากจะมีอาหารให้เลือกทานหลากหลาย พร้อมพื้นที่นั่งทำงานภายใต้บรรยากาศดี ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีโซนเอาต์ดอร์ที่ขายเบียร์เปิดให้บริการในช่วงเย็นอีกด้วย
สำหรับเวลาเปิด-ปิดจะเริ่มตั้งแต่ 7.00 น. ยาวไปจนถึง 21.30 น. เรียกได้ว่า ครบเครื่องตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เหมาะสำหรับคนที่อยากหาร้านกว้าง ๆ บรรยากาศร่มรื่นสบายตา สบายใจที่สามารถนั่งได้แบบยาว ๆ แบบไม่รู้จักเบื่อตลอดทั้งวัน
ถัดจาก Cafe Like A Local เราขอแวะมาเปลี่ยนบรรยากาศกันที่คอมมูนิตีมอลล์ ‘Nawamin City Avenue’ กันบ้าง สำหรับเส้นถนนเกษตร-นวมินทร์ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชิลล์เอาต์ของคนในย่านที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีทั้งร้านอาหาร, ร้านค้าสำหรับชอปปิง, ฟิตเนส เปิดให้บริการอยู่ภายในที่เดียว แถมยังรายล้อมด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ในสไตล์ร่มรื่น เหมาะกับการพาครอบครัวมาเดินเล่นในช่วงวันหยุด
สำหรับใครที่อยากแวะมาเดินเล่น ท่ามกลางบรรยากาศสงบ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าลองแวะมาสักครั้ง เพราะแม้จะมีโซนเอาต์ดอร์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้อนอบอ้าวอย่างที่คิด เพราะเขาสร้างบรรยากาศเย็นสบายไว้ให้ทั้งลานน้ำพุ และพัดลมไอน้ำ ไว้ให้คลายร้อนตลอดวัน
แม้ว่าจะเป็นคอมมูนิตีมอลล์เล็ก ๆ แต่ที่นี่ก็มีร้านค้าและศูนย์บริการชั้นนำเปิดให้บริการอยู่หลายเจ้า ทั้งร้านหนังสือ B2S, ร้านขายของจิปาถะอย่าง Daiso, ร้านไอทีอย่าง Studio 7, ร้าน Pet Shop และอื่น ๆ
- ทั้งชาบูสไตล์ไทย ๆ อย่างร้านมานีมีหม้อ
- ร้านครัวเจ๊ง้อ กับเมนูง่าย ๆ อย่างผัดผักบุ้งฝอยที่ครองใจคนไทยมานาน
- ร้านแบงค็อก โรตี ชาชัก ร้านขนมและเครื่องดื่มที่เสิร์ฟเมนูสารพัดโรตี มีให้เลือกทั้งคาวทั้งหวาน
- ร้านมายคาเฟ่ เดอะไลบรารี่ ร้านน่านั่งที่รวมเอาทั้งคาเฟ่, ร้านอาหาร, บาร์ และห้องสมุด เข้าไว้ด้วยกัน
ด้านบรรยากาศในภาพรวมของ Nawamin City Avenue ก็มีทั้งคนที่แวะมาเดินเล่นพักผ่อน, ชอปปิง, หาของอร่อยทาน รวมไปถึงมีกลุ่มคนทำงานและนักศึกษา แวะมาหามุมเหมาะ ๆ นั่งทำงานและอ่านหนังสืออีกด้วย
ไปต่อกันที่อีกหนึ่งคอมมูนิตีมอลล์บนถนนเกษตร-รวมินทร์ อย่าง ‘The Walk’ กันบ้าง ที่นี่โดดเด่นด้วยตัวอาคารสีสันสดใส ที่ได้รับการออกแบบตกแต่งในรูปแบบ Santa Monica Style ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่แปลกใหม่ ภายในมีทั้งร้านอาหาร, คาเฟ่, ร้านค้าสำหรับจับจ่ายใช้สอย, โซนเพื่อการศึกษา ไปจนถึงร้านเฟอร์นิเจอร์คุณภาพอย่าง Index Living Mall
บรรยากาศโดยรอบให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อบอุ่น ร้านอาหารและคาเฟ่มีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกตามความพอใจ ถ้าได้นั่งจิบกาแฟยามเช้าในบรรยากาศสวย ๆ ก็คงจะทำให้อารมณ์ดีไปได้ทั้งวัน
ร้านเครื่องดื่มสเปเชียลที่ห้ามพลาด ได้แก่
- Canopy Coffee ร้านกาแฟที่ใช้เมล็ดอาราบิก้าจากไทยและอินโดนีเซีย มีเมนูให้เลือกทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็นและขนมเค้กน่าสั่งทานคู่กัน นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูแซนวิชสำหรับมื้อเช้าไว้ทานเติมพลังก่อนเริ่มวันใหม่อีกด้วย
- Cafeinteria ร้านอาหารในเครือ Black Canyon ที่เสิร์ฟทั้งเมนูอาหารฟิวส์ชันอิ่มท้อง ยกตัวอย่างเช่น คอหมูคูโรบูตะย่าง, เปาะเปี๊ยะข้าวเขียวหวาน, ปูนิ่มทอด, ส้มตำ และเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ
สำหรับบโซนชอปปิงที่นี่ก็มีร้าน V.O.S Multi-Brands Fashion Outlet แหล่งรวบรวมสินค้าแฟชันทั้งกางเกงยีนส์, รองเท้า, กระเป๋า, อุปกรณ์กีฬา ที่ลดสูงสุดกว่า 70% ทั้งร้าน
ส่วนร้านเฟอร์นิเจอร์ Index Living Mall ของที่นี่ก็เป็น Special Mall ที่สมบูรณ์แบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘One Stop Shopping for Home Furnishing’ โดยจะมีสินค้าตกแต่งบ้านให้เลือกซื้อแบบครบวงจร เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียว ได้ครบทุกความต้องการสำหรับบ้านของคุณ
ปิดท้ายย่านถนนเกษตร-นวมินทร์กันที่ ตลาดหัวมุม ไนท์มาร์เก็ตชื่อดัง ตั้งอยู่ตรงข้าม The Walk นี่เอง ถ้าใครชอบบรรยากาศชิลล์เอาต์ยามเย็น ที่มีอาหารสตรีทฟูดรสชาติอร่อยให้เลือกทาน พร้อมร้านค้าสำหรับให้เดินชอปปิง บอกเลยว่าไม่ควรพลาดง เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ช่วยชาร์จพลังความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดี
ด้วยบรรยากาศแบบเป็นกันเอง รวมไปถึงเอกลักษณ์ของแต่ละร้านที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้ร้านอร่อยของที่นี่ คึกคักแทบจะทุกร้าน เพราะไม่ว่าใครมาเดิน ก็ย่อมมีร้านประจำเจ้าเด็ดในดวงใจของตัวเอง ให้ต้องกลับมาทานซ้ำกันอย่างแน่นอน
ตัวอย่างร้านเด็ดประจำตลาดหัวมุม
- ถ้าอยากได้ฟีลปิ้งย่างแบบคลาสสิก ก็ต้องมาที่ หมูกระทะบ้านนอก ร้านหมูกระทะธรรมดา ๆ สไตล์บ้าน ๆ ที่มีลูกค้านั่งทานกันแน่นเกือบทุกวัน ด้วยบรรยากาศยามเย็นของตลาดนัดกลางคืน ทำให้เมนูหมูกระทะแบบเรียบง่าย เป็นตัวเลือกแสนอร่อยที่ใครหลายคนติดใจ
- ส่วนร้านเครื่องดื่มที่เก๋ เท่ เป็นตัวของตัวเอง อย่างร้าน SPACE THING CAFE ก็เป็นอีกร้านที่ต้องลองแวะมาชิมเครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว พร้อมถ่ายรูปเช็กอินกับบรรยากาศกาแล็กซี่ เพราะร้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องเครื่องดื่มสีสันจี๊ดจ๊าด และบรรยากาศร้านสุดแนวเป็นที่สุด
ส่วนใครชอบทานขนมและของว่างแบบจุกจิก แบบชิมไปชอปไป ที่นี่ก็มีร้านเด็ดร้านโดนทั้งยำแซ่บ ๆ, ส้มตำ, ไก่ทอด, ขนมปังไส้เยิ้ม, เครป, ขนมเบื้อง และอีกสารพัด ให้เดินทานเล่นเพลิน ๆ กันได้อีกด้วย
รีวิวสามทำเลมาขนาดนี้...คงจะดีไม่น้อยเลย ถ้าเราสามารถ Create your own lifestyle ได้อย่างใจ ด้วยการอยู่อาศัยใน Hub ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายภายในย่านพหลโยธิน-เกษตรนวมินทร์แห่งนี้ได้แบบไม่ต้องรอ
เตรียมตัวพบกับ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ (Chewathai Kaset-Nawamin) คอนโดที่พร้อมให้คุณครีเอท การใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้ แบบไร้ขีดจำกัด
เพราะคุณแตกต่างกว่าใคร ชีวิตทุกวันจึงพิเศษขึ้นได้ไม่ยาก
ถ้าคุณได้อยู่ในที่ที่พร้อมให้คุณครีเอทการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ในแบบของตัวเอง
ที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบครบชีวิตทุกด้าน
ที่ที่มีชีวิตแบบติดถนนใหญ่ ที่มีทางให้เลือกไปได้เยอะขึ้น
ที่ที่อยู่ใจกลางแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ให้คุณเลือกชิลล์แบบใกล้แค่เอื้อม
และที่นั้นคือ ‘ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ (Chewathai Kaset-Nawamin)’ คำตอบของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตแบบแตกต่าง
รายละเอียดโครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ (Chewathai Kaset-Nawamin)
ชื่อโครงการ : ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ (Chewathai Kaset-Nawamin)
เจ้าของโครงการ : บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ : ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
พื้นที่โครงการ : 5-0-42.1 ไร่
ลักษณะโครงการ : คอนโดมิเนียมแบบอาคารสูง 25 ชั้น
จำนวนห้อง : 649 ยูนิต + 5 ร้านค้า
ที่จอดรถ : 49% (รวมซ้อนคัน)
รูปแบบที่พักอาศัย :
- Type A ขนาด 24.50 ตร.ม. (1 ห้องนอน)
- Type B ขนาด 28.50 ตร.ม. (1 ห้องนอน)
- Type C1-C4 ขนาด 33.50 ตร.ม. (1 ห้องนอน)
- Type D ขนาด 44.00 ตร.ม. (2 ห้องนอน)
สิ่งอำนวยความสะดวก : Stylish Lobby, Sky Infinity Edge Pool, Serene Garden, Private Vertical Garden, Active Studio, Inspirational Library, Co-Learning & Co-Working Hub, Lifestyle Shop, Home Automation*, Shuttle Service*
ระบบรักษาความปลอดภัย : ระบบคีย์การ์ดบริเวณทางเข้าอาคาร, ระบบกล้อง CCTV, พนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ฝ้าเพดานสูง : 2.65 เมตร
เงินกองทุน : 500 บาท/ ตร.ม.
ค่าส่วนกลาง : 45 บาท/ ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น : 2.19 ล้านบาท
นอกจากนี้ก็ยังเก็บทุกรายละเอียดความสุข ดีไซน์ให้มีครบอยู่ในที่เดียว เพราะ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ (Chewathai Kaset-Nawamin) ทำให้ทุกพื้นที่ คือ สเปซสำหรับการใช้ชีวิตที่คุณครีเอทใหม่ได้เอง ตั้งแต่ Stylish Lobby เวลคัมสเปซสำหรับคุณและเพื่อน, Rooftop Facility ที่ออกแบบให้เป็นสเปซสำหรับพักผ่อนที่ครบครัน ทั้ง Sky Infinity Edge Pool, Active Studio, Co-Learning & Co-Working Hub และสวนเล็ก ๆ ในมุมสบาย ที่จะให้คุณเลือกชิลล์ได้ทุกวัน ในมุมมองที่ต่างออกไป
FACILITIES
พบความพิเศษที่ทำให้ชีวิตของคุณแตกต่างกัน
ที่งานพรีเซล วันที่ 24-25 สิงหาคมนี้ ณ สำนักงานขาย ลงทะเบียนที่เว็บไซต์เพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ คลิก หรือโทร 1260